
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่านสำหรับบทความนี้เราจะมาคุยกันในหัวข้อความสุขเเบบ “ออกซิโตซิน 2024 “ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถหลั่งเพื่อเพิ่มความสุขให้เราเมื่อมีความรู้สึกสบายใจที่มีฐานจากความผูกพัน รูปแบบความสุขที่จะกล่าวนี้เป็นลักษณะของความรักสามีภรรยารักกัน ความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นพ่อแม่ลูกหรือกระทั่งพี่น้อง มิตรภาพเพื่อนฝูงอาจร่วมไปถึงงานอดิเรกหรือกิจกรรมชมรมต่างๆ
พูดแบบเข้าใจง่ายคือความสุขนี้คือความสุขที่ต้องมีคนอื่นเข้ามามีส่วนร่วมนั้นเอง
ความสุขที่หาได้ง่าย
สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราทุกวันนี้ เราสามารถมีความสุขแบบออกซิโตซินอยู่แบบชนิดที่ล้นเหลือเลยทีเดียว และคนส่วมมากอาจไม่เข้าใจหรือมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป เช่นการพูดคุยสนทนาเรื่องเชิงบวกเเล้วบทสนทนานั้นเกิดสนุกสนานได้หัวเราะ หรือการได้สมผัสทางกาย เช่น กอด จูบ จับมือ
ถ้าความสัมพันธ์ในทางครอบครัว ความสนุกสนานที่ได้เล่นกับลูกๆ หรือเเม้เเต่กระทั่งลูกเองที่ได้อยู่กับพ่อแม่ ลองกอดลูกๆ ดูครับเเล้วจะรู้สึกถึงความสุขหรือเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ทำกิจกรรมรวมกันเเละยังรวมถึงความสบายที่ได้ช่วยเหลือคนในชุมชนของเรา เมื่อเจอหน้ากันเเล้วคนอื่นยิ้มกลับมาหา ความรู้สึกเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถหาความสุขได้ง่ายๆ ทั่วไปครับ
เมื่อขาดความสุขแบบออกซิโทซินอาการจะเป็นอย่างไร ?
เมื่อเราขาดความสุขออกซิโตซินผลที่ตามมาเราจะขาดความสุขแบบ เซโรโทนินตามไปด้วยเพราะอย่างที่เกริ่นไว้ที่บทความความสุขเเบบเซโรโทนินว่า สารเคมีจะต้องทำงานเป็นลำดับขั้นตอนโดยเรียงจากสาร เซโรโทนิน ออกซิโตซิน โดพามีน
ถ้าทั้งสามขาดตัวใดตัวหนึ่งความสุขอาจไม่สุขสมบูรณ์ก็ครับ
ขอยกตัวอย่างง่ายๆ ใกล้ตัวกรณีความสัมพันธ์ของสามีภรรยาให้เราสังเกตุว่า พูดจากันน้อยลง ไม่ค่อยมองหน้า มีปากเสียงกันเป็นประจำจากที่เรื่องเล็กๆ กลายเป็นทะเลาะกันในที่สุด เเละถ้าเป็นกรณีที่รุนแรงที่เราพบเจอสังคมภายนอก เช่นถูกกลั่นเเกล้ง เพื่อนร่วมงานเริ่มตีตัวออกห่างที่ทำงานเก็นตัวอยู่คนเดียวสุดท้ายอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน
ร้อยละ 90 % ความเครียดเกิดในสังคมที่ทำงานซะส่วนใหญ่ อาทิเช่นการคบหาสมาคมกับเพื่อร่วมงาน หัวหน้า เพราะในสมองเราคิดว่าเราจะเข้ากับคนรอบข้างได้ไหมหรืออีกนัยหนึ่งเราจะสามรถเข้ากับงานที่เราทำอยู่ได้หรือเปล่า
หลายคนอาจเข้ากับหัวหน้างานไม่ได้ คนรอบข้างเเสดงท่าทีไม่เป็นมิตร สิ่งเหล่านี้เเหล่ะครับที่เป็นบ่อเกิดของความรู้สึกหดหู่ ในทางตรงกันข้ามถ้าเราได้รับการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากเพื่อนรวมงานหรือเเม้กระทั้งคำชื่นชมจากหัวหน้า จะทำให้สิ่งเเวดล้อมในที่ทำงานดีขึ้นมากๆ ครับ เมื่อสิ่งเเวดล้อมดีทุกคนก็อยากทำงาน มีไอเดียดีๆ องค์กรก็สามารถเติบโตยิ่งขึ้น
“จุดเริ่มของความสุขเเบบออกซิโตซินเราต้องได้รับจากความช่วยเหลือจากคนอื่นเสียก่อน
“
เคล็ดลับการเข้าถึงความสุขเเบบออกซิโตซิน

ความผูกพัน
สิ่งที่สำคัญของการทำสารสารออกซิโทซินหลั่งออกมาโดยตรงเลยคือ “ความผูกพัน” ในที่นี้ยังแบ่งออกเป็นความผูกพันเเต่ละประเภทซึ่งสรุปเเยกย่อยมีเทคนิคอยู่ 4 วิธีการด้วยกันเรามาเริ่มกันเลยครับ
- เทคนิคที่ 1 การสัมผัส เทคนิคนี้สามารถเเสดงออกได้กับคนในครอบครัวเท่านั้นนะครับ ความสัมผัสกันระหว่าง พ่อเเม่ลูก ปู่ย่า ตายาย ลักษณะเช่นการโอบกอด กอด จูบ จับมือ หรือหลานนวดไหลให้กับคุณตาจะช่วยให้สารออกซิโตซินหลั่งออกมาขอเน้นย้ำ “การสัมผัสจะทำให้สารออกซิโตซินหลั่งออกมาได้ง่ายที่สุด”
- เทคนิคที่ 2 การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ถึงเเม้วิธีนี้จะไม่มีมีการเเตะเนื้อต้องตัวกันเเต่อย่างใดเป็นการสบตาหรือการพูดคุยที่ถูกคอเพียงเท่านี้สารออกซิโตซินก็หลั่งออกมาได้เหมือนกัน
- เทคนิคที่ 3 ความมีน้ำใจบวกความซาบซึ่ง ความมีน้ำใจเเละความซาบซึ้งเป็นองค์ประกอบอีกส่วนหนึ่งของ สารออกซิโตซิน เมื่อคนที่ให้น้ำใจเเละผู้รับน้ำใจ เกิดความปฏิสัมพันธ์กันจะทำให้มีสาร ออกซิโตซินหลั่งออกมาทั้งนี้ยังรวมถึงการช่วยเหลือสนับสนุนกันซึ่งกันเเละกันสิ่งเหล่านี้คือความสุขเเบบ ออกซิโตซินทั้งสิ้น
- เทคนิดที่ 4 ความสัมพันระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง การที่สารออกซิโตซินจะหลั่งออกมาได้นั้นไม่ได้จำกัดเพียงเเค่กับคนเราเท่านั้นครับ สัตว์เลี้ยงก็สามารถทำให้เจ้าของหลังสารออกมาได้เช่นกันเเละตัวสัตว์เลี้ยงก็มีสาร ออกซิโตซินเหมือนเช่นมนุษย์เรา ถ้าพวกเขาได้สัมผัสกับเรา เช่นการลูบ การกอดน้องเเมวน้องหมาเป็นต้นครับ
ขจัดความว้าเหว่
ทุกคนคงทราบกันดีนะครับประเทศไทยเราเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย (Aged Society) มาตั้งเเต่ปี 2548 เป็นต้นมาเเละกำลังมียอดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อัตราของคนหนุ่มสาวที่ยังไม่เเต่งงานเพิ่มขึ้น การเเต่งงานช้า หรือในบางคนเลือกที่จะไม่เเต่งงานเลยก็มีเช่นกัน สิ่งเหล่าที่ขึ้นเหล่านี้ส่งผลกระต่อสภาพจิตใจของกลุ่มนี้โดยตรง เเละยังเป็นเป็นที่มาของ “ความว้าเหว่” ที่เราจะคุยกันต่อไปครับ
ความว้าเหว่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพเทียบเท่ากับการสูบภัยร้ายของการสูบบุหรี่เลย
เปิดหัวมาค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกันเเต่ไม่ต้องตกใจไปครับผมวิธีที่จะช่วยที่ให้เราสามารถรู้เท่าทันเเละขัดความว้าเหว่ได้อย่างมีประสิทธิผลกันครับ
- สร้างความผูกพันจากตัวเรา วิธีนี้ก็คือวิธีการหาเพื่อนเเละในสังคมสมัยนี้ก็ช่องทางหาเพื่อนที่ไม่ยากเย็นสักเท่าไรไม่ว่าเป็นหาจากกลุ่มที่เราชื่นชอบหรือกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ
- ลองสร้างพรรคพวก สงสัยไหมครับระหว่างเพื่อนกับพรรคพวกต่างกันอย่างไร? วันนี้ผมมีความตอบมาให้ เพื่อนเป็นความสัมพันธ์ที่เรียกว่ามิตรภาพ ขณะที่พรรคพวกคือเป็นความสัมพันธ์ในรูปเเบบการมีเป้าหมายเดียวกัน สิ่งสำคัญในการหาพรรคพวกคือการ เข้าไปเป็นสมาชิกในกลุ่มหรือชุมชนต่างๆ สถานที่ที่ทุกคนไปร่วมตัวกัน เช่น ชมรมอ่านหนังสือ ชมรมกีฬาเป็นต้น
- สร้างการปฏิสัมพันเเบบซึ่งหน้า (Face To Face) ก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะเกิดขึ้นการปฏิสัมพันธ์เเบบซึ่งหน้าเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป ต่างกันยุคสมัยนี้ที่เเค่จะสร้างความสัมพันธ์เเบบซึ่งหน้าก็สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาได้อย่างไม่ข้อจำกัด เเต่ด้วยอิธิพลของอินเทอร์เน็ตการปฏิสัมพันธ์เเบบเจอหน้ากันเเบบจริงๆ ก็ทำได้อย่างขึ้นเเละลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ เพราะฉนั้นเราควรหาโอกาศด้วยการพบป่ะพูดคุยซึ่งหน้าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะความรู้สึกสบายใจหรือความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจจากการพบปะพูดคุยกันจริงๆ มีประโยนช์ในการสร้างความผ่อนคลายได้ง่าย
เชื่อมั่นในผู้อื่น
ความกังวนใจของเราที่มีความรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะชอบเราหรือไว้ใจเราได้นั้นเป็นเรื่องของเขาเอง เราไม่สามารถควบคุมได้ การมัวเเต่คิดวิตกกังวนว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไรนั้นไม่มีประโยนช์ เเต่มีสิ่งที่ตัวเราเองสามารถทำได้คือ “ไว้วางใจ” คนอื่นเเบบไม่มีเงื่อนไขเเละยังตามมาด้วยไม่หวังสิ่งตอบเเทนกลับมา
มีทฤษฎีความสุข 3 ขั้น ตามหลักจิตวิทยาแอดเลอร์บอกไว้ว่า เเม้อาจจะโดนเกลียด เเต่จงมี “ความกล้าที่จะถูกเกลียด” เเละไว้ใจคนอื่นอย่างไม่เงื่อนไขเเละไม่หวังสิ่งตอบเเทน เเอนเลอร์อธิบายวงจรเส้นทางที่จะนำไปสู่ความสุขไว้เเบบนี้ครับ
การยอมรับตัวเอง ▶ การไว้ใจผู้อื่น ▶ การสนับสนุนผู้อื่น
- การยอมรับตัวเอง ในเเบบที่เราเป็นอยู่ก่อน ถ้าเราไม่สามารถยอมรับตัวเราได้เราจะไม่สามารถเริ่มความสัมพันธ์กับผู้คนอื่นได้
- การไว้วางใจผู้อื่นอย่างไม่มีเงื่อนไข คือการที่เราไว้ใจผู้อื่นเเล้วให้เราคิดว่า เป็น”พรรคพวกเดียวกัน” ความคิดที่จะช่วยสนับสนุนให้เราก้าวไปด้วยกันได้หรือเป็นฝ่ายสนับสนุนเขาเหล่านั้น
- การสนับสนุนผู้อื่น ความคิดนี้จะทำให้เราเกิดความสุขที่จะช่วยเหลือสังคม (มีความสุข) จะทำให้เรามีคุณค่าจนส่งผลให้เรา “ยอมรับตัวเอง “มากขึ้น
การทำตามวงจรนี้ซ้ำไปซ้ำมาจะช่วยสร้างให้เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม (ความสุขขั้นสูงสุด) หรืออาจพูดอีกนัยหนึ่งได้ว่าเส้นทางไปสู่ความสุขภาคขยายของความสุขแบบออกซิโตซิน
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับบทความที่เกี่ยวกับความสุขแบบออกซิโตซิน ผมขอสรุปให้เข้าใจออกเป็นข้อๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายๆ ครับ
- การเเสดงความซาบซึ่งใจ
- การแสดงความมีน้ำใจ
- ครอบครัวเเละเพื่อนมีความสำคัญ
- เรื่องที่จะสร้างความสัมพันกับผู้อิ่น
- สร้างพรรคพวก
หวังว่าจะชื่นชอบบทความนี้นะครับ เเล้วมาพบกันในบทความต่อไปว่าจะเป็นบทความอะไรฝากผู้อ่านช่วยเเชร์บทความนี้ด้วยครับเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีเเรงบันดาลใจสร้างสรรค์เนื้อหาความรู้ดีๆต่อไปครับ